ความรู้ กับ ทักษะ คืออะไร เหมือนหรือต่างกันตรงไหน
ความรู้ = Knowledge is know what + know why ( know what plus know why )
ทักษะ = Skill is know how ( ซึ่งเป็นคำที่มีคนพูดกันมานานแล้วไม่ใช่ความคิดของ Stive Aek แต่ถือว่าถูกต้องปฏิเสธไม่ได้)
คำ นิยาม Knowledge เข้าใจง่ายๆนี้ ไม่ต้องไปหาจากหนังสือ หรือ Search หาจากที่ไหนหรอกเพราะเป็นการให้คำนิยามที่กลั่นออกมาจากวิชาการบวก ประสบการณ์การทำงาน การใช้ชีวิต และการเป็นวิทยากรและที่ปรึกษาของ
Stive Aek เอง
ตย. ที่จะอธิบาย Knowledge : Skill ได้ดีคือ
สมมติเราไปได้สาวคนป่าซึ่ง อยู่ในเขตป่าลึกมากกว่าอเมซอนหรือยิ่งกว่าผีตองเหลืองหรือเงาะป่าซาไก ที่เกิดมาไม่เคยกินข้าว ไม่เคยกินน้ำตาล ไม่เคยเห็นไฟฟ้า วิทยุไม่เคยฟัง ทีวีไม่เคยดู มาเป็นแม่บ้านโดยแม่บ้านคนเดิมมีเวลาแค่ 5 วันในการสอนงาน OJT การชงกาแฟให้ นส.อเมซอนเรียกพี่ ว่า
การชงกาแฟเป็นงานที่ง่ายที่สุดแล้ว
โดยเอาสิ่งที่เขาเรียกว่าช้อนนี่
1. ตักสิ่งที่อยู่ในกระปุกนี้ซึ่งเรียกว่ากาแฟ 1 ช้อน ใส่ลงไปในถ้วยนี้
2. ตักของที่อยู่ในกระปุกนี้ที่เรียกว่าน้ำตาล 2 ช้อนแล้วใส่ลงไปในถ้วยเดียวกัน
3. ตักสิ่งที่อยู่ในกระปุกสุดท้ายซึ่งเรียกว่าคอฟฟี่เมท 2 ช้อนใส่ลงไปในถ้วยเดิม
4. กดน้ำร้อนจากกระติกนี้ ลงไปในถ้วยเกือบเต็มถ้วยเหลือไว้ประมาณนี้ ( ทำครึ่งหนึ่งของข้อนิ้วชี้มือให้ดู )
5. แล้วก็เอาช้อนคนๆๆๆๆๆแบบนี้เสร็จแล้วก็เอาไปเสิร์ฟลูกค้าได้เลย
นส.อเมซอนเรียกพี่ก็เสิร์ฟแบบนี้มาเป็นปี ซึ่งเธอก็คิดในใจว่าช่างง่ายอย่างที่แม่บ้านคนเก่าบอกไว้จริงๆ
จนกระทั่งบ่ายวันนั้นแหละ ที่ผจก.ฝ่ายขายมาตำหนิเธอหลังจากลูกค้ากลับไปแล้วว่าทำไมเธอถึงชงกาแฟให้ ลูกค้าโดยใส่คอฟฟี่เมททั้งๆที่บอกแล้วไงว่าลูกค้ารายนี่เขาบอกว่าไม่ดื่ม กาแฟใส่คอฟฟี่เมท เธอจึงฟังแบบงงๆว่าทำได้หรือแต่เธอรู้และจำได้ว่า ผจก.แจ้งแล้วว่าไม่ต้องใส่คอฟฟี่เมท แต่แม่บ้านคนเก่าสอนไว้ว่า กาแฟ 1 น้ำตาล 2 คอฟฟี่เมท 2 แล้วกดน้ำร้อนใส่ถ้วยกาแฟแล้วคนๆๆๆเอาไปเสิร์ฟเถอะรับรองไม่ผิดหวัง แต่ทำไมเหตุการณ์กลับตาลปัตรไปอย่างนี้ละ ว่าแล้วก็ร้องไห้อยากกลับไปอยู่ป่าแต่เสียอย่างเดียวไกลกว่าป่าอเมซอนอีกจึง กลับไม่ไหวเลยจำใจทนอยู่ต่อ
และสัปดาห์ถัดมา ผจก.ฝ่ายการตลาดคนเดิม ก็โวยเธอลั่นออฟฟิสว่าทำไมก็ย้ำแล้วย้ำอีกว่าลูกค้าคนนี้ไม่ดื่มกาแฟใส่ น้ำตาลกับคอฟฟี่เมทแล้วทำไมยังเสิร์ฟแบบเดิมอีกซึ่งมีทั้งน้ำตาลและคอฟฟี่ เมท หาบอกมาสิว่าทำไมถึงดื้อด้านแบบนี้....
นส.อเมซอนเรียกพี่ ก็ได้แต่หมดอาลัยอยากตายๆๆๆไม่อยากเป็นแล้วแม่บ้านไทยแลน์นี้ไม่ใช่แลนด์ออ ฟสมายแต่เป็นแดนโหดร้ายสุดๆสำหรับเธอ
จนกระทั่งบ่ายวันนั้นแหละ ที่ผจก.ฝ่ายขายมาตำหนิเธอหลังจากลูกค้ากลับไปแล้วว่าทำไมเธอถึงชงกาแฟให้ ลูกค้าโดยใส่คอฟฟี่เมททั้งๆที่บอกแล้วไงว่าลูกค้ารายนี่เขาบอกว่าไม่ดื่ม กาแฟใส่คอฟฟี่เมท เธอจึงฟังแบบงงๆว่าทำได้หรือแต่เธอรู้และจำได้ว่า ผจก.แจ้งแล้วว่าไม่ต้องใส่คอฟฟี่เมท แต่แม่บ้านคนเก่าสอนไว้ว่า กาแฟ 1 น้ำตาล 2 คอฟฟี่เมท 2 แล้วกดน้ำร้อนใส่ถ้วยกาแฟแล้วคนๆๆๆเอาไปเสิร์ฟเถอะรับรองไม่ผิดหวัง แต่ทำไมเหตุการณ์กลับตาลปัตรไปอย่างนี้ละ ว่าแล้วก็ร้องไห้อยากกลับไปอยู่ป่าแต่เสียอย่างเดียวไกลกว่าป่าอเมซอนอีกจึง กลับไม่ไหวเลยจำใจทนอยู่ต่อ
และสัปดาห์ถัดมา ผจก.ฝ่ายการตลาดคนเดิม ก็โวยเธอลั่นออฟฟิสว่าทำไมก็ย้ำแล้วย้ำอีกว่าลูกค้าคนนี้ไม่ดื่มกาแฟใส่ น้ำตาลกับคอฟฟี่เมทแล้วทำไมยังเสิร์ฟแบบเดิมอีกซึ่งมีทั้งน้ำตาลและคอฟฟี่ เมท หาบอกมาสิว่าทำไมถึงดื้อด้านแบบนี้....
นส.อเมซอนเรียกพี่ ก็ได้แต่หมดอาลัยอยากตายๆๆๆไม่อยากเป็นแล้วแม่บ้านไทยแลน์นี้ไม่ใช่แลนด์ออ ฟสมายแต่เป็นแดนโหดร้ายสุดๆสำหรับเธอ
บทละครน้ำเน่านี้คือตัวอย่างของคนที่มี Know How but no have
Knowledge เพราะเธอไม่รู้ว่า กาแฟ น้ำตาล คอฟฟี่เมท จริงๆคืออะไร และมีคุณสมบัติอย่างไร การใช้สามารถเพิ่มลด หรือ ใส่มากหรือ ไม่ใส่
แล้วแต่ความชอบหรือ
ความจำเป็นด้านสุขภาพของผู้ดื่มแต่ละคน
ถ้า นส.อเมซอนเรียกพี่มี Knowledge เธอก็จะสามารถประยุกต์พลิกแพลงได้สบายมาก คือหากลูกค้าคอเรสเตอรอลสูงจะไม่ใส่คอฟฟี่เมทเธอก็จะทำให้ได้ด้วยความมั่น ใจ และหากเป็นทั้งคอเรสเตอรอลสูงและเป็นเบาหวาน เธอก็จะรู้ว่าลูกค้าคนนั้นจะดื่มกาแฟเพียวๆอย่างเดียวโดยไม่ใส่ทั้งน้ำตาล และคอฟฟี่เมท
ความรู้ มาจากวิชาการ จากหนังสือ จากผู้สอนสอน การบรรยาย จากการทดลอง
ทักษะ จะมาจากการสอนแบบฝึกหัด จากประสบการณ์ จากชั่วโมงบิน การทำการฝึกซ้ำๆอย่างเดวิด เบคแคม กับ คริสเตียนโน โรนัลโด เลียนแบบอีริค คันโตน่า ที่ซ้อมแล้วซ้อมอีกๆๆๆๆๆไปเรื่อย อย่างเบคแคมฝึกเตะฟรีคิกนอกกรอบเขตโทษเป็นหมื่นๆลูกจึงเก่งจากการมีทักษะการ เตะลูกฟรีคิกลักษณะนี้ โรนัลโดก็เดินตามรอยเบคแคมกับคันโตน่า ที่ซ้อมแล้วซ้อมอีกฝึกแล้วฝึกอีกจนมีทักษะเป็นแบบอัตโนมัติคือเล่นได้โดยไม่ ต้องคิดแต่ทุกอย่างจะเป็นไปโดยสัญชาติญาณเลยแหละ นี่คือที่มาว่าคำว่าทักษะเกิดจากการฝึก การทำจริงซ้ำๆหลายๆๆๆๆๆครั้ง
ถ้า นส.อเมซอนเรียกพี่มี Knowledge เธอก็จะสามารถประยุกต์พลิกแพลงได้สบายมาก คือหากลูกค้าคอเรสเตอรอลสูงจะไม่ใส่คอฟฟี่เมทเธอก็จะทำให้ได้ด้วยความมั่น ใจ และหากเป็นทั้งคอเรสเตอรอลสูงและเป็นเบาหวาน เธอก็จะรู้ว่าลูกค้าคนนั้นจะดื่มกาแฟเพียวๆอย่างเดียวโดยไม่ใส่ทั้งน้ำตาล และคอฟฟี่เมท
ความรู้ มาจากวิชาการ จากหนังสือ จากผู้สอนสอน การบรรยาย จากการทดลอง
ทักษะ จะมาจากการสอนแบบฝึกหัด จากประสบการณ์ จากชั่วโมงบิน การทำการฝึกซ้ำๆอย่างเดวิด เบคแคม กับ คริสเตียนโน โรนัลโด เลียนแบบอีริค คันโตน่า ที่ซ้อมแล้วซ้อมอีกๆๆๆๆๆไปเรื่อย อย่างเบคแคมฝึกเตะฟรีคิกนอกกรอบเขตโทษเป็นหมื่นๆลูกจึงเก่งจากการมีทักษะการ เตะลูกฟรีคิกลักษณะนี้ โรนัลโดก็เดินตามรอยเบคแคมกับคันโตน่า ที่ซ้อมแล้วซ้อมอีกฝึกแล้วฝึกอีกจนมีทักษะเป็นแบบอัตโนมัติคือเล่นได้โดยไม่ ต้องคิดแต่ทุกอย่างจะเป็นไปโดยสัญชาติญาณเลยแหละ นี่คือที่มาว่าคำว่าทักษะเกิดจากการฝึก การทำจริงซ้ำๆหลายๆๆๆๆๆครั้ง